“ฮอนด้า” ผู้นำวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย พยายามอย่างหนักมากกว่า 40 ปี ในการผลักดันนักแข่งรถจักรยานยนต์ชาวไทยขึ้นสู่เวทีระดับโลก ซึ่งที่ผ่านมาเรามีนักแข่งรถสัญชาติไทยไต่ขึ้นไปสูงสุดในระดับ โมโตทู และรุ่น 250 ซีซี เท่านั้น
โครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” ถูกเปิดตัวขึ้นเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา ภายใต้ “โร้ดแม็ป” การพัฒนาเด็กไทยอย่างเต็มรูปแบบครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งต้องเริ่มต้นจากอายุน้อยๆ เช่นเดียวกับชาติชั้นนำอย่าง สเปน และ อิตาลี ที่เริ่มต้นพัฒนานักบิดตั้งแต่อายุ 5-6 ขวบ ส่งผลให้มีนักกีฬาจากทั้งสองชาติโลดแล่นในโมโตจีพีอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันมีดาวรุ่งชาวไทย 2 คน ซึ่งเป็นผลผลิตของโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” คนแรกคือ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา วัย 22 ปี ที่โลดแล่นอยู่ในฤดูกาลที่ 3 ของรุ่น โมโตทู ชิงแชมป์โลกใน เวิลด์ กรังด์ปรีซ์
สมเกียรติ เจ้าของรถแข่งหมายเลข 35 กำลังค้นหาสไตล์การบิดที่แข็งแกร่งของตนเองใน โมโตทู กับต้นสังกัด “อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย” ก้าวเข้าสู่ฤดูกาลที่ 3 นักบิดไทยมีพัฒนาการแบบก้าวกระโดด
เขาปรับรูปแบบการทำงานใหม่ สื่อสารกับทีมช่างอย่างตรงไปตรงมา ส่วนหนึ่งเพราะสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้แข็งแรงขึ้น นี่คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้การเซ็ตติ้งรถแข่งร่วมกับทีมช่างเป็นไปอย่างมืออาชีพ
รวมถึงขั้นตอนการซ้อมและปรับตัวในแต่ละสนาม นับตั้งแต่ที่ มูเจลโล ในประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นเรซที่ 6 ของปีนี้ ที่เปลี่ยนมาให้ความสำคัญกับการค้นหา “เรซเพซ” หรือ “ขีดความสามารถในการต่อสู้” สำหรับการแข่งขันระยะทางจริง
นักบิดชาวไทยวัย 22 ปี ทำเวลาในการควอลิฟายติดท็อปเท็นได้ต่อเนื่อง ในช่วง 5 สนามที่ผ่านมา พร้อมยกระดับการแข่งขันในเรซอย่างชัดเจน ก่อนจะคว้าอันดับ 9 ที่ เซอร์กิต บาร์เซโลน่า-คาตาลุนญ่า ประเทศสเปน, อันดับ 11 ที่ ทีที เซอร์กิต เอสเซ่น ประเทศเนเธอร์แลนด์
ล่าสุด การขึ้นมาเขย่ากลุ่มหน้าและต่อสู้กับนักบิดระดับโลกหลายคน ก่อนคว้าอันดับ 8 มาครองในรายการ สตีเรียน กรังด์ปรีซ์ ซึ่งนับเป็นผลงานที่ดีที่สุดใน เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ ที่เขาเคยทำได้ และทำให้เขาได้รับความสนใจอย่างมากจากสื่อต่างประเทศ ว่าเป็นหนึ่งในนักบิดที่มีการพัฒนาที่โดดเด่นในโมโตทู
อีกคนคือดาวรุ่งที่ผลงานกำลังมาแรง “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี วัย 20 ปี ซึ่งกำลังเฉิดฉายอยู่ในรายการระดับจูเนียร์ชิงแชมป์โลกอย่าง “เอฟไอเอ็ม ซีอีวี โมโตทรี จูเนียร์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ” และ “เรดบูล โมโตจีพี รุกกีส์ คัพ”
ธัชกร ออกสตาร์ทฤดูกาล 2020 ด้วยอาการบาดเจ็บรบกวนตลอดทั้งปี ก่อนจะเริ่มสมบูรณ์ขึ้นในปีนี้ และเขาก็ตอบแทนความไว้วางใจของ “ฮอนด้า” ด้วยการพา “ธงชาติไทย” ขึ้นสู่โพเดี้ยมในการแข่งขันระดับโลกได้ถึง 2 ครั้ง ในรายการ เรดบูล โมโตจีพี รุกกีส์ คัพ
โพเดี้ยมแรกของ ธัชกร คือ การควบรถแข่งหมายเลข 5 คว้าอันดับ 3 ที่ ซัคเซนริง ประเทศเยอรมนี และล่าสุด คือ อันดับ 2 จาก เรดบูลริง ประเทศออสเตรีย
“การขึ้นโพเดี้ยมอาจไม่ใช่คำตอบทั้งหมด…แต่ความโดดเด่นในสนามต่างหากคือสิ่งที่น่าสนใจ”
จากผลงานทั้ง 2 เรซ ที่เรดบูลริง ดาวรุ่งชาวไทยสร้างความประหลาดใจให้แฟนๆ อย่างมาก เขามี “เรซเพซ” ที่แข็งแกร่ง คว้ากริดสตาร์ทอันดับ 4 มาครอง “ขึ้นนำ” ได้ทั้ง 2 เรซกว่าครึ่งทางการแข่งขัน แถมยังมีจังหวะแซงสวยๆ และป้องกันตำแหน่งเหนียวแน่น
สิ่งที่ ธัชกร แสดงออกในการแข่งขันทำให้เขาถูกจับตามองอย่างมาก และนี่คือการสร้างโอกาสเพื่อพา “ตัวเอง” ขึ้นสู่เกมในระดับที่สูงขึ้นอย่าง “เวิลด์ กรังด์ปรีซ์” ที่มีลำดับขั้นตั้งแต่ โมโตทรี, โมโตทู และระดับสูงสุดอย่าง “โมโตจีพี” นั่นเอง
2 รายการระดับจูเนียร์ที่ ธัชกร ลงแข่งขันเป็นฤดูกาลที่ 2 มีอัตราป้อนนักบิดเข้าสู่วงการโมโตจีพีรวมกันมากกว่าร้อยละ 90% แน่นอนว่าหากคุณสร้างผลงานโดดเด่นในซีรีส์นี้ ก็มีโอกาสที่จะได้รับการโปรโมตขึ้นสู่รายการระดับ “เวิลด์ กรังด์ปรีซ์” ซึ่งมีโควต้าไม่ถึง 10 ที่ในแต่ละปีของนักบิดที่ถูกผลักดันขึ้นไป
จากผลงานที่โดดเด่น สมเกียรติ และ ธัชกร เป็นที่จับตาในเกมระดับโลก และถือเป็นดาวโรจน์จาก “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” ที่กำลังอยู่ในภารกิจพา “ธงชาติไทย” ขึ้นไปสู่การแข่งขันระดับสูงสุดของรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกในอนาคต