SC เผยครึ่งปีแรกยอดขายทำนิวไฮ 11,338 ลบ. โต 38% บ้านเดี่ยวขายดีทุกราคา

0
269
SC ASSET Reveal The First Half New High Sales House For Sale
SC ASSET Reveal The First Half New High Sales House For Sale

เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น สุดปลื้มผ่านครี่งปีแรกฉลุย โกยยอดขายนิวไฮสูงถึง 11,338 ลบ. เติบโต 38% โดยเฉพาพบ้านเดี่ยวทุกระดับราคาขายดิบขายดี เผยครึ่งปีหลัง เดินหน้าเปิด 8 โครงการใหม่ มูลค่า 11,000 ลบ. พร้อมลุยซื้อที่ดินใหม่รวมทั้งปีกว่า 10,000 ลบ.

นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้นำการเป็น Living Solutions Provider เปิดเผยถึงบทพิสูจน์ความแข็งแกร่งของแบรนด์  SC Asset พร้อมกับความมุ่งมั่นในการเป็นแบรนด์บ้านเดี่ยวอันดับ 1 ท่ามกลางปีแห่งความท้าทายว่า     

“ครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บ้านเดี่ยวขายดีมากทุกราคาสวนกระแสเศรษฐกิจ จากปัจจัยหลักเรื่องของความต้องการบ้านสำหรับอยู่อาศัยและคุ้มกันภัย ที่สำคัญคือ ผู้บริโภคให้ความไว้วางใจและเชื่อมั่น SC Asset ในการเป็นแบรนด์บ้านเดี่ยวคุณภาพมาตรฐานสูง ส่งผลให้ยอดขายครึ่งปีแรกเติบโตทำนิวไฮทั้งยอดขายแนวราบและยอดขายรวม โดยมียอดขายรวม 11,338 ล้านบาท เติบโต 38% มาจากยอดขายแนวราบ 9,390 ล้านบาท เติบโต 22% และแนวสูง 1,948 ล้านบาท เติบโต 304% เมื่อเทียบกับปีผ่านมา”

ทั้งนี้ การเติบโตแข็งแกร่งของยอดขายแนวราบ มาจาก 3 พอร์ตหลัก คือ

* บ้านราคามากกว่า 20 ล้านบาทขึ้นไป เติบโต 41% 

* บ้านราคา 10-20 ล้านบาท เติบโต 35% 

* บ้านราคา 5-10 ล้านบาท เติบโต 22% 

สำหรับครึ่งปีหลังบริษัทพร้อมเปิด 8 โครงการใหม่  มูลค่ารวมกว่า 11,000 ล้านบาท โดยมีแผนทยอยเปิดขายปลายไตรมาส 3 และ 4 แบ่งเป็นแนวราบ 7 โครงการ ได้แก่ บ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมพรีเมี่ยมระดับราคา 3.89-20 ล้านบาท พร้อมกับแนวสูง  1 โครงการ ซึ่งเตรียมจะเปิดโครงการ The Crest Park Residences คอนโดมิเนียมระดับ Luxury มูลค่าโครงการ 3,400 ล้านบาท ราคาเร่ิม  5.9 ล้านบาท อย่างเป็นทางการ และเมื่อรวมกับของพร้อมขายในครึ่งปีหลัง 24,000 ล้านบาท ทั้งหมดจะเพียงพอต่อเป้าหมายยอดขาย 20,000 ล้านบาท ในปีนี้

นายณัฐพงศ์ กล่าวว่า “ปี 2021 เป็นปีที่ท้าทาย แต่เรามั่นใจสามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว เพื่อรับมือกับความผันผวนของสถานการณ์  บริษัทมีสภาพคล่องพร้อม สินค้าพร้อม ที่ดินพร้อม โดยปีนี้เราจะโอนที่ดินใหม่ มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท ได้ตามแผน เพื่อการเติบโตใน 3 ปีนับจากนี้”