ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย เปิดเผยผลการวิเคราะห์สถานการณ์ภาพรวมตลาดของโรงแรมในพื้นที่กรุงเทพฯ ตลอดปี 2565 จากจำนวนมีนักท่องเที่ยวที่เดืนทางเข้ามาในประเทศไทย มีปริมาณ 10.2 ล้านคน มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ และมีการคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในประเทศแตะ 20 ล้านคนในปี 2566 คิดเป็น 57% ของจำนวนนักท่องเที่ยวก่อนเกิดโควิด ส่งผลให้มีการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจมากขึ้น และสนับสนุนให้ธุรกิจโรงแรมมีแนวโน้มสดใสอย่างชัดเจน
มร.คาร์ลอส มาร์ติเนซ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและที่ปรึกษา บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ตลาดโรงแรมในกรุงเทพฯ ในปี 2564 เป็นปีที่แย่ที่สุด มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเพียง 578,618 คน เทียบกับปี 2563 5.9 ล้านคน และ 35 ล้านคนในปี 2562 จากข้อมูลของท่าอากาศยานไทย ในปี 2565 มีนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศ 10.2 ล้านคน มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ และมีการคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในประเทศแตะ 20 ล้านคนในปี 2566 คิดเป็น 57% ของจำนวนนักท่องเที่ยวก่อนเกิดโควิด

ประเทศไทยยกเลิกข้อจำกัดด้านการเดินทางและประกันสุขภาพในเดือนกรกฎาคม 2565 และสามเดือนต่อมาได้ยุติข้อจำกัดที่เกี่ยวข้องกับโรคระบาดที่เหลืออยู่ เช่น หลักฐานการฉีดวัคซีนหรือผลการตรวจโควิดล่าสุด การยกเลิกข้อจำกัดนั้นทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นเป็น 8 ล้านคนในช่วงครึ่งปีหลัง หรือเกือบ 80% ของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งปี
ก่อนเกิดโรคระบาด นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาประเทศไทย ได้แก่ ฝั่งเอเชียตะวันออก (69%) นำโดยจีน (28%) และมาเลเซีย(11%) ขณะที่นักท่องเที่ยวชาวยุโรปคิดเป็น 16% โดยหลักๆมาจากรัสเซีย สหราชอาณาจักร เยอรมัน และฝรั่งเศส ส่วนชาวอินเดียคิดเป็น 5% ส่วนในปี 2565 นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาประเทศไทยก็ยังคงมาจากฝั่งเอเชียตะวันออก (53%) นำโดยมาเลเซีย (17%) ขณะที่นักท่องเที่ยวชาวยุโรปคิดเป็น 23% และชาวอินเดียคิดเป็น 9% ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงและได้รับผลกระทบอย่างเห็นได้ชัดจากนโยบายการควบคุมการแพร่ระบาดของบางประเทศ เช่น จีน และฮ่องกง

อุปสงค์และอุปทาน
อัตราการเข้าพักโรงแรมในกรุงเทพฯ เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2565 เป็นต้นมา โดยอยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยได้รับประโยชน์จากการยกเลิกข้อจำกัดด้านการเดินทางเกี่ยวกับโควิด การเปิดประเทศกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวและผลการดำเนินงานของโรงแรมในฤดูไฮซีซั่นช่วงปลายปี 2565
อัตราการเข้าพักของโรงแรมในกรุงเทพฯ ค่อยๆเพิ่มขึ้นจากระดับต่ำสุด 26% ในเดือนมกราคมจนถึงระดับสูงสุด 70% ในเดือนธันวาคม 2565 ในช่วงครึ่งปีหลังมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 59% ซึ่งดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว (เพิ่มมา 43%) และอัตราการเข้าพักเฉลี่ยในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 อยู่ที่ 35% เนื่องจากโรงแรมต้องเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อและการขาดแคลนพนักงาน ท่ามกลางการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและการจัดงานกิจกรรมต่างๆ ของภาคธุรกิจ ค่าห้องเฉลี่ยต่อวัน (ADR) เพิ่มขึ้นมาถึง 54% ปีต่อปี เป็น3,234 บาท
ในปี 2565 มีโรงแรมกว่า 20 แห่งเปิดให้บริการในกรุงเทพฯ ทำให้มีอุปทานเพิ่มเข้ามาใหม่ 4,457 ห้อง โดย ณ สิ้นปี 2565 จำนวนอุปทานทั้งหมดในกรุงเทพ มี 78,996 ห้อง เพิ่มขึ้น 6%ปีต่อปี โรงแรมเปิดใหม่หลายแห่งในปี 2565 หลังจากเลื่อนการเปิดโครงการออกไปจากวิกฤตโรคระบาด ซึ่งส่งสัญญาณถึงความเชื่อมั่นที่แข็งแกร่งของตลาดในการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมนี้ การเปิดโรงแรมใหม่จะเพิ่มอุปทานห้องพักในกรุงเทพฯ อีกประมาณ 5,000 ห้อง ในปี 2566

แนวโน้ม
กรุงเทพฯ ยังเป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวชั้นนำระดับโลกที่ตลาดโรงแรมเติบโตเป็นอย่างดี ซึ่งหากไม่คำนึงถึงสถานการณ์ต่างๆและผลกระทบต่อเนื่องจากโรคระบาด กรุงเทพฯถือว่าเป็นเมืองที่อยู่ในสถานะกำลังค่อยๆ ฟื้นตัว
มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 10.2 ล้านคนในปี 2565 เดินทางเข้ามาในกรุงเทพฯ ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวมากกว่า 20 ล้านคนในปี 2566
จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาในกรุงเทพฯ เพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 9.4% ต่อปี ตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ผ่านมาถึงช่วงเวลาที่มีการแพร่ระบาด โดยแตะระดับสูงสุดที่ 35.4 ล้านคนในปี 2562 และในช่วงเวลาเดียวกัน จำนวนนักท่องเที่ยวภายในประเทศเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 10.8% ต่อปี ที่ 17.8 ล้านคนในปี 2562
เป็นเวลากว่าสองปีที่การท่องเที่ยวหยุดชะงัก ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อตลาดโรงแรมในกรุงเทพฯ เนื่องจากการใช้มาตรการการควบคุมอย่างเข้มงวดในเดือนตุลาคม 2565 แล้วจึงค่อยๆ ผ่อนคลายมาตรการระหว่างประเทศต่างๆ โดยอนุญาติให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาโดยไม่มีข้อจำกัดใดๆ
ในปี 2565 อุปสงค์ภายในประเทศเพิ่มสูงขึ้นโดยเห็นได้จากจำนวนนักท่องเที่ยวภายในประเทศที่กลับมาอยู่ในจุดก่อนเกิดโควิด โดยเพิ่มขึ้นจาก 59%เป็น 79% ในช่วงครึ่งปีแรกและครึ่งปีหลัง

ในช่วงครึ่งปีแรกและครึ่งปีหลัง จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเองก็ฟื้นตัวในเชิงบวกเช่นกัน เพิ่มขึ้นจาก 12% เป็น %45 ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากจำนวนสายการบินที่เพิ่มขึ้น เส้นทางการบินและการกลับมาของกลุ่มธุรกิจและกลุ่มไมซ์ (MICE) ที่เข้ามาช่วยหนุนตลาดโรงแรมในปี 2566
กลุ่มนักท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดอย่างประเทศจีน กลับมาเปิดประเทศอีกครั้งในเดือนมกราคม 2566 หลังจากปิดประเทศเป็นเวลา 3 ปี ภายใต้นโยบายป้องกันโควิด ซึ่งคาดว่าอุปสงค์จะฟื้นตัวทั้งการเดินทางเพื่อพักผ่อนและเพื่อธุรกิจ
แม้ว่าในปี 2565 จะมีอุปสรรคหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น ค่าเดินที่สูงขึ้นและการจำกัดจำนวนเที่ยวบิน แต่เรามองว่าการท่องเที่ยวจะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง ทั้งจากในภายในประเทศเองและต่างประเทศ โดยเฉพาะจากจีน ซึ่งจะส่งผลเชิงบวกต่ออัตราการเข้าพักให้กลับมาแตะระดับก่อนเกิดโควิด อย่างไรก็ตาม ด้วยแนวโน้มของเศรษฐกิจโลกจึงทำให้ราคาห้องพักไม่สูงไปกว่าในปี 2565