28.7 C
Bangkok
Thursday, November 21, 2024
010
002
previous arrow
next arrow

GJS เตรียมลงทุน 1.5 พันล้านบาทยกระดับศักยภาพการผลิต

บริษัท จี เจ สตีล จำกัด (มหาชน) (GJS) เปิดเผยการตัดสินใจลงทุนจำนวน 1.5 พันล้านบาทภายในระยะเวลา 3 ปีหลังจากนี้ เพื่อปรับปรุงเครื่องจักร เพิ่มขีดความสามารถในการผลิตด้านคุณภาพ และความสามารถในการควบคุมต้นทุน ด้วยการลงทุนในครั้งนี้ GJS มุ่งมั่นที่จะพลิกฟื้นการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่จะมีส่วนสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจและสังคมไทย ด้วยการส่งมอบเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนที่มีคุณภาพสูงให้แก่ลูกค้าที่มีความต้องการหลากหลายในประเทศไทย

อุตสาหกรรมเหล็กภายในประเทศไทยนับเป็นส่วนสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และยังเป็นส่วนเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทานที่แข็งแกร่งสำหรับอุตสาหกรรมการผลิต  ทำให้ประเทศไทยคงความเป็นศูนย์กลางการผลิตอีกด้วย

ทั้งนี้หลังจากบริษัท นิปปอน สตีล คอร์ปอเรชั่น จากประเทศญี่ปุ่น (NSC)  ได้เข้าถือหุ้นหลักของ GJS เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2565 ด้วยการสนับสนุนทางเทคนิคและการจัดการจาก NSC บริษัทฯ กำลังอยู่ในขั้นตอนของการปรับปรุงขีดความสามารถของบริษัทอย่างต่อเนื่อง โดย NSC เป็นบริษัทเหล็กที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของโลก หลังจากได้เริ่มก่อตั้งสายการผลิตแรกในประเทศไทยมากว่า 60 ปี และได้ส่งมอบเหล็กคุณภาพสูงให้แก่อุตสาหกรรมการผลิต และตอบสนองความต้องการการใช้เหล็กในสังคมไทย ปัจจุบันกลุ่ม NSC ได้ดำเนินงานโดย 30 บริษัทโดยมีพนักงานรวมมากกว่า 8,000 คนในประเทศไทย โดย NSC มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจในประเทศไทย รวมทั้ง GJS ด้วย

GJS ได้ดำเนินงานเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้แก่การผลิต และพัฒนาขีดความสามารถด้านคุณภาพ และความสามารถทางการแข่งขันด้านต้นทุน เพื่อเพิ่มความไว้วางใจให้แก่ลูกค้า เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว ทั้งนี้เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งและเพิ่มขีดความสามารถดังกล่าว บริษัทฯ ได้ตัดสินใจลงทุนประมาณ 1.5 พันล้านบาทในช่วงเวลา 3 ปีหลังจากนี้ไป  โดยการลงทุนครั้งนี้ประกอบไปด้วย การพัฒนาระบบการจัดการวัตถุดิบเศษเหล็ก เพื่อลดต้นทุน เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และเสริมความเข้มแข็งในระบบรีไซเคิล รวมทั้งการลงทุนในการปรับปรุงเครื่องจักรที่มีอยู่แล้วให้มีเสถียรภาพ รวมทั้งการจัดซื้อเครื่องจักรใหม่เพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิต โดยการตัดสินใจครั้งนี้จะเสริมให้บริษัทฯ คงเสถียรภาพในการผลิต และสร้างโครงสร้างผลกำไรที่มั่นคง ทั้งนี้ GJS มุ่งมั่นที่จะขยายธุรกิจในตลาดเหล็กโครงสร้าง และผู้ผลิตเหล็กแผ่นรีดเย็น (ผลิตภัณฑ์เหล็กแผ่นรีดเย็นชนิดม้วนและเหล็กชุบเคลือบสังกะสี) และการส่งออกสินค้าไปยังยุโรปและประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน เพื่อสร้างกระแสเงินสดและผลกำไรอย่างยั่งยืน

การเป็นผู้ผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนครบวงจรกลุ่มเดียวในประเทศไทย (รวมถึงบริษัท จี สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ G Steel) บริษัทฯ จึงให้ความสำคัญในการตอบสนองความต้องการของลูกค้า ด้วยการส่งมอบวัสดุที่มีคุณภาพและต้นทุนที่แข่งขันได้ในระยะเวลาส่งมอบที่รวดเร็ว นอกจากนี้ทั้ง G J Steel และ G Steel ยังเป็นกลุ่มบริษัทเดียวซึ่งผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนด้วยเตาอาร์คไฟฟ้า (Electric Arc Furnace) มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนต่ำ และยังเป็นผู้รีไซเคิลเศษเหล็กรายใหญ่ในประเทศไทย GJS ได้รับใบรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) การเป็นผู้ผลิตที่ปลดปล่อยคาร์บอนต่ำจะช่วยส่งเสริมการขายด้วยผลิตภัณฑ์เหล็กที่ปลดปล่อยคาร์บอนต่ำสู่ตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ ทั้งหมดนี้มีส่วนสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงเป้าหมายของรัฐบาลในการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนและเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) อีกด้วย

GJS Prepares to Invest 1.5 billion Baht to Enhance Production Potential

GJS Steel Public Company Limited (GJS) announced its decision to invest 1.5 billion baht over the next 3 years to upgrade its machinery and increase its quality production capability. and the ability to control costs

With this investment, GJS is committed to revitalizing its operations to support the growth of the Thai economy and society by delivering high-quality hot rolled steel coils to its customers. Diverse needs in Thailand

The domestic steel industry in Thailand is a very important part of infrastructure development and also helps to build a strong supply chain for the manufacturing industry, helping Thailand to remain a manufacturing hub.

After Japan’s Nippon Steel Corporation (NSC) acquired a majority stake in GJS in March 2022, with technical and management support from NSC, the company is in the process of improving its capabilities. The company’s ability to continuously grow, with NSC becoming the world’s 4th largest steel company, after establishing the first production line in Thailand for over 60 years, has delivered high-quality steel to the manufacturing industry and meet the demand. Steel Use in Thai Society Currently, NSC Group operates 30 companies with more than 8,000 employees in Thailand. NSC is committed to promoting the growth of businesses in Thailand, including GJS.

GJS has been working to strengthen its production and develop its quality capabilities and cost competitiveness to increase customer trust for sustainable growth in the long term. In order to strengthen and increase In this capacity, the company has decided to invest approximately 1.5 billion baht over the next 3 years. This investment includes the development of a scrap metal raw material management system to reduce costs, increase competitiveness and strengthen Strengthening the recycling system, including investment in improving the stability of existing machinery, including purchasing new machinery to increase production potential. This decision will strengthen the company’s stability in production and create a structure Stable profits GJS is committed to expanding its business in the structural steel market and cold rolled steel sheet manufacturers (cold rolled steel coil and galvanized steel products) and exporting products to Europe and other countries in the region. ASEAN to create sustainable cash flow and profits

As the only fully integrated hot rolled steel sheet manufacturer in Thailand (including G Steel Public Company Limited or G Steel), the Company places importance on meeting customer needs by delivering quality materials. Competitive quality and cost with short delivery time. In addition, both G J Steel and G Steel are the only group of companies which produce hot rolled steel coils using Electric Arc Furnace which releases gas. Low carbon and also a major recycler of scrap iron in Thailand, GJS has received a carbon footprint certificate from the Greenhouse Gas Management Organization (Public Organization). Being a low carbon producer will help promote sales with steel products that Low carbon emissions to domestic and international markets, all of which contribute to the country’s economic growth, including the government’s goal of achieving carbon neutrality and a circular economy.

Related Articles

Stay Connected

22,878FansLike
3,912FollowersFollow
22,100SubscribersSubscribe
- Advertisement -spot_img

Latest Articles