รามาธิบดี สานต่อภารกิจหลักด้านสาธารณสุขไทยมุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทย

0
150
Ramathibodi Carrying on the Main Mission Public Health For the Quality of Life of People
Ramathibodi Carrying on the Main Mission Public Health For the Quality of Life of People

นับเป็นเวลากว่า 52 ปีแล้ว เริ่มตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2512 ที่โรงพยาบาลรามาธิบดีได้ก่อตั้งขึ้นพร้อมกับคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล โดยมีวัตถุประสงค์เริ่มต้นในการเป็นโรงพยาบาลที่จะสนับสนุนด้านการสอนแพทย์ พยาบาล และการอนามัยชั้นนำของประเทศรวมถึงการเป็นสถาบันการแพทย์ที่มุ่งมั่นพัฒนาบริการด้านสาธารณสุขไทยและดูแลผู้ป่วยอย่างเท่าเทียมกัน เพื่อย้ำเตือนถึงเป้าหมายหลักของการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย โดยมีมูลนิธิรามาธิบดีฯ ทำหน้าที่ระดมทุนทรัพย์เพื่อสนับสนุนภารกิจต่างๆ

กว่า 5 ทศวรรษที่รามาธิบดีได้ให้บริการด้านสุขภาพแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและต่างชาติควบคู่ไปกับการพัฒนางานวิจัยทางการแพทย์เพื่อยกระดับคุณภาพระบบสาธารณสุขของไทย ในโอกาสของเดือนรามาธิบดีนี้ มูลนิธิรามาธิบดีฯ นำโดย ศ.นพ.ปิยะมิตร ศรีธรา คณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และประธานคณะกรรมการบริหารมูลนิธิรามาธิบดีฯ ได้สรุปภารกิจสำคัญของรามาธิบดีที่กำลังพัฒนาอยู่ในตอนนี้ รวมถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีด้านระบบสุขภาพในอนาคต เพื่อเตรียมความพร้อมให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นเมืองหลวงของโลกด้านการดูแลสุขภาพต่อไป

วิกฤติที่ถาโถมกับการพัฒนาที่หยุดนิ่งไม่ได้

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้โลกมีความต้องการด้านระบบสาธารณสุขที่มีคุณภาพมากกว่าครั้งใดในประวัติศาสตร์ รามาธิบดีจึงต้องเตรียมความพร้อมรับมือเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนชาวไทย ทั้งในแง่ของการเปิดให้บริการตรวจคัดกรองผู้ติดเชื้อโควิด-19 และการทำงานร่วมกับสถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ จ.สมุทรปราการ ในการรองรับการรักษาผู้ติดเชื้อต่อไป รวมถึงการวิจัยพัฒนาสารสกัดเพื่อต้านเชื้อไวรัสโควิด-19 นับตั้งแต่เกิดการระบาดโควิด-19 ในประเทศ และด้วยวิกฤติการณ์ที่ยังคงมีความเสี่ยงเช่นนี้ ทางสถาบันจักรีนฤบดินทร์ก็ได้นำเอาเทคโนโลยีด้านการแพทย์มาปรับใช้ในการดูแลผู้ป่วยอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น ระบบ Telemedicine ใช้ในการตรวจรักษาเพื่อลดการเดินทางมายังโรงพยาบาลของผู้ป่วย ซึ่งจะช่วยลดโอกาสการได้รับเชื้อระหว่างเดินทางและอำนวยความสะดวกในกรณีที่ไม่สามารถเดินทางมาพบแพทย์ได้ รวมถึงการนำหุ่นยนต์มาใช้เพื่อให้บริการผู้ป่วยและยังลดความเสี่ยงของการแพร่เชื้อได้อีกด้วย

เทรนด์การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพ

จากการวิจัยของคณะแพทยศาตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี พบว่ามี 3 เทรนด์หลักของเทคโนโลยีด้านสุขภาพที่เราควรจับตามองในตอนนี้ ประกอบด้วย

1. Value-based Care การดูแลสุขภาพโดยเน้นคุณค่า

ที่รามาธิบดีเรามุ่งเน้นการพัฒนาบริการสาธารณสุขโดยการบริหารทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งการส่งเสริมศักยภาพทรัพยากรบุคลากรทางการแพทย์วัยเกษียณเพื่อให้บริการทางการแพทย์เชิงรุกให้แก่หน่วยงานเอกชนต่างๆที่รามาธิบดีได้เข้าไปจัดตั้งศูนย์สุขภาพภายใน (Rama Frontier) รวมถึงแผนการพัฒนาศูนย์การแพทย์รามาธิบดีศรีอยุธยา โดยพัฒนาพื้นที่บริเวณถนนศรีอยุธยาเพื่อให้เป็นศูนย์ดูแลสุขภาพที่หลากหลาย เช่น การรักษาภาวะผู้มีบุตรยาก, การดูแลหัวใจ, การศัลยกรรมตกแต่งและเลเซอร์ศัลยกรรมผิวหนัง เป็นต้น

2. Ageing Society เตรียมความพร้อมเพื่อรับสังคมสูงวัย

ปัจจุบันประเทศไทยมีจำนวนผู้สูงอายุมีตัวเลขเทียบเท่ากับประเทศที่พัฒนาแล้วหลายประเทศซึ่งถือว่ามีอัตราการเติบโตเป็นอันดับ 3 ในทวีปเอเชีย รองมาจากประเทศเกาหลีใต้ และประเทศญี่ปุ่น ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติคาดการณ์ว่า ประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มตัวในปี พ.ศ.2565 ด้วยสาเหตุนี้

รามาธิบดีจึงจัดตั้งโครงการศูนย์ที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุแบบครบวงจร (Senior Complex) ร่วมกับกรมธนารักษ์ โดยมุ่งหวังให้เป็นที่พักอาศัยแบบครบวงจรของผู้สูงอายุที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพียบพร้อมและมีบุคลากรทางการแพทย์คอยให้การดูแลด้านสุขภาพอย่างต่อเนื่อง

3. Disruptive Technology เทคโนโลยีสุขภาพแบบใหม่ที่เปลี่ยนโลกการแพทย์แบบเดิม

นับตั้งแต่มีการพัฒนาระบบ AI เทคโนโลยีต่างๆ ก็ถูกพัฒนาประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นรวมถึงเทคโนโลยีด้านสุขภาพด้วย ในส่วนของการเรียนการสอนโรงเรียนแพทย์รามาธิบดี ได้นำนวัตกรรมใหม่ๆมาให้นักศึกษาแพทย์ได้ทดลองใช้ เช่น เครื่องอัลตร้าซาวนด์ที่สามารถเชื่อมต่อกับระบบคลาวด์ในการส่งต่อข้อมูลผู้ป่วยเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ได้ รวมถึงการพัฒนาศูนย์จีโนมทางการแพทย์เพื่อให้เป็นแหล่งวิจัยระบบพันธุกรรมที่เป็นรากฐานของสิ่งมีชีวิตทุกประเภท ตัวอย่างงานวิจัยเมื่อเร็วๆ นี้ ก็คืองานวิจัยสารสกัดจากกระชายขาวในการยับยั้งเชื้อไวรัส ซึ่งตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาเพื่อเป็นยาสำหรับรักษาโรค

โควิด-19 ที่รามาธิบดียังให้ความสำคัญกับการนำระบบเทคโนโลยีที่หลากหลายมาใช้ในการเรียนการสอนนักศึกษาแพทย์เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเป็นแพทย์ยุคดิจิทัลต่อไปในอนาคต

ภารกิจด้านการพัฒนาบริการด้านสุขภาพและการยกระดับการเรียนการสอนของหลักสูตรแพทย์ นับเป็นภารกิจสำคัญที่จะช่วยให้ระบบสาธารณสุขไทยก้าวไกลยิ่งขึ้น ซึ่งรามาธิบดีก็มุ่งหวังที่จะเป็นกำลังสำคัญในการสร้างมาตรฐานการแพทย์ให้มีคุณภาพในระดับโลกต่อไป สำหรับผู้มีจิตศรัทธาสามารถร่วมบริจาคเพื่อสนับสนุนการทำงานของแพทย์ในทุกภารกิจได้ผ่านมูลนิธิรามาธิบดีฯ

ชื่อบัญชี มูลนิธิรามาธิบดี “โครงการรามาธิบดีเพื่อโรงพยาบาลชุมชน” ธนาคารกสิกรไทย   เลขที่ 879-2-00448-3 ธนาคารกรุงเทพ   เลขที่ 090-3-50015-5 ธนาคารไทยพาณิชย์ เลขที่ 026-3-05216-3 บริจาคออนไลน์ www.ramafoundation.or.th สอบถามโทร 02-201-1111