ปตท. เผยผลการประเมินและวอเคราะห์สถานสถานการณ์ตลาดน้ำมันประจำสัปดาห์วันที่ 11-15 ก.ย. 66 และแนวโน้มสัปดาห์วันที่ 18-22 ก.ย. 66 โดยตลาดน้ำมันสำเร็จรูปเบรนท์ (ICE Brent) ราคา 92.44 เหรียญสหรัฐฯ ต่อ บาร์เรล ปรับลดราคาลง +2.40 ตลาดน้ำมันสำเร็จรูป เวสท์เท็กซัสฯ (NYMEX WTI) ราคา 89.12 เหรียญต่อบาร์เรล ปรับราคาเพิ่มขึ้น +1.97 เหรียญ สหรัฐฯ ตลาดน้ำมันสำเร็จรูปดูไบ (Dubai) ราคา 93.45เหรียญสหรัฐฯ ต่อ บาร์เรล ปรับราคาเพิ่มขึ้น +3.08 เหรียญ สหรัฐฯ ขณะที่ราคาน้ำมันสำเร็จรูปซื้อซื้อขายล่วงหน้าประเทศสิงคโปร์ ราคาเบนซินออกเทน 95 ปรับราคาเพิ่มขึ้น +4.85 เหรียญ สหรัฐฯ มาเป็นราคา 113.95 เหรียญ สหรัฐฯ ราคาน้ำมันดีเซลราคาปรับราคาลดลง +5.71 เหรียญ สหรัฐฯ มาเป็นราคา 127.49 เหรียญสหรัฐฯ
เศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นหนุนราคาน้ำมัน
ราคาน้ำมันดิบทุกชนิด เฉลี่ยสัปดาห์สิ้นสุด 15 ก.ย. 66 เพิ่มขึ้น โดยนักลงทุนคาดตลาดน้ำมันโลกจะตึงตัว และมีมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจ หลังธนาคารกลางรายใหญ่กระตุ้นเศรษฐกิจ และส่งสัญญาณใกล้สิ้นสุดช่วงนโยบายการเงินแบบตึงตัว อาจสนับสนุนอุปสงค์พลังงาน
อุปสงค์น้ำมันโลกยังคงเติบโต OPEC คาดการณ์อุปสงค์น้ำมันโลกในปี 2566 เพิ่มขึ้น 2.44 ล้านบาร์เรลต่อวันจากปีก่อนหน้า อยู่ที่ 102.06 ล้านบาร์เรลต่อวัน (ปรับเพิ่มขึ้นจากคาดการณ์ครั้งก่อน 0.05 ล้านบาร์เรลต่อวัน) และในปี 2567 เพิ่มขึ้น 2.25 ล้านบาร์เรลต่อวันจากปีก่อนหน้า อยู่ที่ 104.31 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยมองว่าเศรษฐกิจหลัก และตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย โดยเฉพาะอินเดีย รวมถึงบราซิล และรัสเซีย แกร่งเกินคาด
สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (National Bureau of Statistics: NBS) รายงานโรงกลั่นนำน้ำมันดิบเข้ากลั่น (Refinery Throughput) ในเดือน ส.ค. 66 เพิ่มขึ้น 2.4% จากเดือนก่อนหน้า อยู่ที่ 15.23 ล้านบาร์เรลต่อวัน สูงสุดเป็นประวัติการณ์
ธนาคารแห่งชาติของจีน (People’s Bank of China: PBOC) ประกาศลดอัตราส่วนเงินสำรองขั้นต่ำ (Reserve Requirement Ratio: RRR) สำหรับธนาคารพาณิชย์ลง 0.25% (ยกเว้นธนาคาร RRR ต่ำกว่า 5%) ตั้งแต่ 15 ก.ย. 66 คาดว่าจะทำให้ RRR เฉลี่ยลดลงมาอยู่ที่ 7.4% และช่วยเพิ่มเงินเข้าสู่ระบบประมาณ 5 แสนล้านหยวน (6.87 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ) ทั้งนี้ RRR ตั้งแต่ปี 2561 เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 15% ก่อนที่ PBOC จะปรับลดลงต่อเนื่องกว่า 16 ครั้ง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
14 ก.ย. 66 ที่ประชุมธนาคารกลางยุโรป (European Central Bank: ECB) มีมติปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้น 0.25% ทำให้ Deposit Facility Rate, Main Refinancing Operations Rate และ Marginal Lending Facility Rate อยู่ที่ 4.0%, 4.5% และ 4.75% ตามลำดับ สูงสุดตั้งแต่ ECB ก่อตั้งในปี 2542 อย่างไรก็ตาม ประธาน ECB โดย Christine Lagarde ส่งสัญญาณว่าอัตราดอกเบี้ย ECB ใกล้ระดับสูงสุดแล้ว การประชุมครั้งถัดไปในวันที่ 26 ต.ค. 66 จึงมีแนวโน้มที่จะคงอัตราดอกเบี้ย
จับตาการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (Federal Open Market Committee: FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) 19-20 ก.ย. 66 โดยตลาดคาดว่าจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 5.25-5.50%
คาดการณ์ราคา ICE Brent สัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 85-95 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล