ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย เผยผลการวิเคราะห์และคาดกการณ์สถานการณ์ตลาดโรงแรมระดับลักซัวรี่ พร้อมอัพสเกล ในพื้นที่ของจังกหวัดภูเก็ต ช่วงครึ่งแรกของปี 2565 ที่ผ่านมา เริ่มส่งสัญณาญที่ดีขึ้น เนื่องจากได้รับอานิงส์จากมาตรการผ่อนคลายกฎระเบียบการเข้าพำนักในประเทศ เพื่อมาท่องเที่ยวในเมืองไทย
มร.คาร์ลอส มาร์ติเนซ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและที่ปรึกษา บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยมีประมาณ 512,000 ณ ครึ่งปีแรก 2565 เป็นผลมาจากการผ่อนคลายมาตราการการเดินทางต่างๆ แต่ก็ยังเป็นเพียงแค่ 19% ของจำนวนทั้งหมดในช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ในครึ่งปีแรก 2562 แต่ก็ถือว่าเป็นการฟื้นตัวอย่างมากเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก 2564 ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวน้อยกว่า 1,000 คน
ธุรกิจโรงแรมในจังหวัดภูเก็ต ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดโควิด-19 เนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมที่ต้องพึ่งพานักท่องเที่ยวต่างชาติค่อนข้างมาก รัฐบาลไทยหวังฟื้นฟูจังหวัดภูเก็ตโดยนำร่องเปิดประเทศในเดือนกรกฎาคม 2564 มีกฎข้อบังคับหลากหลายท่ามกลางผู้ติดเชื้อภายในประเทศที่มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้น ด้วยสถานการณ์ที่ค่อนข้างย้ำแย่เจ้าของธุรกิจโรงแรมหลายรายในภูเก็ตจึงต้องดิ้นรนจำต้องปรับรูปแบบธุรกิจโดยหันมาให้ความสำคัญกับนักท่องเที่ยวภายในประเทศแทน
ในช่วงครึ่งปีแรก 2565 นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มาจากฝั่งเอเชียตะวันออก คิดเป็น 39% โดยมาจากมาเลเซีย และสิงคโปร์ ขณะที่นักท่องเที่ยวชาวยุโรปคิดเป็น 30% โดยมาจากสหราชอาณาจักร เยอรมัน ฝรั่งเศส และรัสเซีย ส่วนชาวอินเดียคิดเป็น 11% ส่วนนักท่องเที่ยวจีนซึ่งเป็นกลุ่มหลักของธุรกิจท่องเที่ยวแทบเป็นศูนย์ เนื่องจากการเดินทางจากจีนค่อนข้างมีข้อจำกัดมากจากกลยุทธ์ zero-covid
อุปทานและอุปสงค์
ในช่วงครึ่งปีแรก 2565 ภาคอุตสาหกรรมโรงแรมของภูเก็ตดีขึ้นหลังจากการแพร่ระบาดของโควิดและไม่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศเนื่องจากข้อบังคับต่างๆ
อัตราที่พักเฉลี่ยต่อวัน (ADR) ของโรงแรมระดับลักซัวรี่และอัพสเกลกลับขึ้นมาจากจุดต่ำสุดในครึ่งปีแรก 2564 โดยเพิ่มขึ้น 21% ปีต่อปี อยู่ที่ 2,825 บาท จากการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวในช่วงครึ่งปีแรก 2565 อย่างไรก็ตามอัตราที่พักก็ยังคงต่ำกว่าระดับก่อนโควิดอยู่ 30%
อัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ในระดับที่ไม่มากนักที่ 29% อย่างไรก็ตาม เป็นการฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญจาก 8% ในครึ่งปีแรก 2564 เพิ่มขึ้น 21% จากจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ
จำนวนอุปทานทั้งหมดของโรงแรมระดับลักซัวรี่และอัพสเกลอยู่ที่ 24,263 ห้อง ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2565 โดยมีอุปทานใหม่เพิ่มเข้ามา 698 ห้องในครึ่งปีแรก 2565 โดยโรงแรมที่เปิดใหม่ได้แก่ Melia Phuket Karon Residences 73 ห้อง, Wyndham Garden Platinum Bay Phuket 420 ห้อง, Wyndham Chalong Phuket 80 ห้อง, Dhawa Phuket Residences 33 ห้อง และ Utopia Mai Khao 92 ห้อง อีกทั้งยังมีอีกกว่า 12,200 ห้องที่มีแผนจะเปิดใหม่ในปี 2567
อุปทานส่วนใหญ่ของภูเก็ตอยู่ในบริเวณหาดป่าตอง 26% ตามมาด้วยกะรน 18% บางเทา 12% กะตะ 11% และกมลา 10%
แนวโน้ม
จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในสนามบินจังหวัดภูเก็ตคิดเป็น 59% ในช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ซึ่งเป็นเพียง 35% ในช่วงครึ่งปีแรก 2565 ชี้ให้เห็นว่าธุรกิจโรงแรมมีความยืดหยุ่นสูงในการพึ่งพานักท่องเที่ยวภายในประเทศแทนในช่วงโควิด-19 สำหรับการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบในเดือนกรกฎาคม 2565 เราคาดการณ์ว่าจะเห็นตลาดท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่น่าจะสูงอย่างที่เคยเป็นมา เนื่องจากยังไม่มีกลุ่มนักท่องเที่ยวจากรัสเซียและจีน
ประเทศจีนยังคงปิดประเทศไปตลอดเดือนที่เหลือในปีนี้ เนื่องจากมาตราการข้อบังคับควบคุมโควิด-19 ซึ่งในขณะที่ประเทศอื่นส่วนใหญ่ประกาศว่าโรคประจำถิ่น ยิ่งไปกว่านั้น สงครามรัชเซีย-ยูเครนไม่เพียงแต่ส่งผลให้เราขาดแคลนนักท่องเที่ยวชาวรัชเซีย แต่รวมไปถึงราคาน้ำมันที่มีผลต่อราคาเที่ยวบิน และด้วยทั้งหมดนั้น แนวโน้มของธุรกิจโรงแรมในภูเก็ตจะยังคงไม่แน่นอนในระยะสั้น
ค่าเฉลี่ยรายได้ต่อห้อง (RevPar) มีแนวโน้มค่อยๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มกลับมาฟื้นตัวขึ้นในช่วงที่เหลือของปี แต่ก็ยังคงห่างจากช่วงก่อนโควิด-19 และก็คาดว่าไม่น่าจะกลับมาเร็วๆ นี้ ก่อนปี 2567 ดังนั้นแผนการเปิดตัวโรงแรมใหม่จึงอาจถถูกเลื่อนออกไป ขณะที่โรงแรมที่กำลังเปิดอยู่ในปัจจุบันก็ยังต้องดิ้นรนต่อไปในระยะสั้น และอาจทำให้บางรายต้องขายกิจการ
ดาวน์โหลดรายงานฉบับเต็มได้ที่นี้