26.3 C
Bangkok
Thursday, January 30, 2025
010
002
previous arrow
next arrow

เดอะ ลักชัวรี่ กรุ๊ป บาย แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล เผยเทรนด์ด้านอาหารและเครื่องดื่มในรายงาน The Future of Food 2025

เดอะ ลักชัวรี่ กรุ๊ป บาย แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนลเผยรายงานล่าสุด The Future of Food 2025 มีเนื้อหาครอบคลุมและตอกย้ำให้เห็นถึงพลังการเปลี่ยนแปลงของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในการกำหนดเทรนด์ด้านอาหารทั่วโลก รายงานฉบับนี้ให้ข้อมูลเชิงลึกจากเชฟชั้นนำ มิกโซโลจิสต์ และผู้เชี่ยวชาญในวงการนี้กว่า 30 คนจากทั่วภูมิภาค พร้อมระบุแนวโน้มหลัก 10 ประการที่มีอิทธิพลต่ออุตสาหกรรมด้านอาหาร ที่มีบทบาทในภูมิภาคนี้ต่อวงการอาหารทั่วโลก

เอเชียแปซิฟิกที่เป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวเชิงอาหาร โดยมีส่วนแบ่งตลาดทั่วโลกถึง 37.8% ในปี 2566 และคาดการณ์มูลค่าตลาดว่าจะเติบโตไปถึง 6.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2576* ภูมิทัศน์ด้านอาหารที่มีความคึกคักนี้ขับเคลื่อนด้วยทั้งประเพณีและประสบการณ์การรับประทานอาหารในรูปแบบที่แปลกใหม่ ที่เป็นสิ่งดึงดูดผู้ที่ชื่นชอบอาหารและเครื่องดื่มจากทั่วโลก

ออริออล มอนทอล กรรมการผู้จัดการฝ่ายลักชัวรี่ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมประเทศจีน)   ของแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า “รายงาน The Future of Food 2025 เน้นย้ำถึงบทบาทอันสำคัญของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในการกำหนดภูมิทัศน์ด้านอาหารระดับโลก ด้วยอิทธิพลของอาหารที่มีต่อการตัดสินใจในการเดินทาง รายงานฉบับนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการสร้างความเป็นเลิศด้านอาหารในทุกแบรนด์ที่อยู่ใน ลักชัวรี่ กรุ๊ป”

ปีเตอร์ ราบา รองประธานกรรมการฝ่ายอาหารและเครื่องดื่ม ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมประเทศจีน) ของ แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล เสริมว่า “เราไม่ได้เพียงแค่สังเกตแนวโน้มเหล่านี้ แต่เรากำลังมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการสร้างและมีอิทธิพลต่อแนวโน้มเหล่านี้ เราลงทุนพัฒนาประสบการณ์ด้านอาหาร แนวปฏิบัติที่ยั่งยืน และเทคโนโลยีเชิงนวัตกรรมเพื่อยกระดับบริการต่างๆ ในร้านอาหารและบาร์ของเราในภูมิภาค การเปิดรับและปรับใช้เทรนด์ใหม่ๆ เหล่านี้ไม่เพียงแต่ยกระดับประสบการณ์การรับประทานอาหารของแขกเท่านั้น แต่ยังมีส่วนร่วมในการพัฒนาวงการอาหารระดับโลกอีกด้วย”

เทรนด์หลักๆ ที่กำหนดอนาคตของอาหาร

1.จากเอเชียแปซิฟิกสู่ระดับโลก

จากการผสมผสานสุนทรียศาสตร์ของญี่ปุ่นเข้ากับอาหารฝรั่งเศส อาหารเกาหลีที่มีอิทธิพลเพิ่มขึ้น ไปจนถึงการใช้เครื่องเทศและเทคนิคดั้งเดิมจากอินเดียและจีนแผ่นดินใหญ่อย่างสร้างสรรค์ที่เปลี่ยนบรรทัดฐานตะวันตก เอเชียแปซิฟิกกำลังกลายเป็นมหาอำนาจในการส่งออกด้านอาหาร การกลับมาของเชฟพลัดถิ่นสู่ประเทศบ้านเกิดได้ผสมผสานความเป็นนานาชาติเข้ากับบรรยากาศท้องถิ่น โดยการเลือกใช้วัตถุดิบพื้นเมืองและฟื้นฟูสูตรอาหารดั้งเดิม เทรนด์นี้ได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากการเพิ่มขึ้นของกระแสนิยมการต้อนรับและนวัตกรรมแบบเอเชียในระดับโลก ซึ่งเป็นการปูทางให้อาหารเอเชียครอบครองพื้นที่ในวงการอาหารทั่วโลกในอนาคต

2.การกลับมาของวัตถุดิบและประเพณีที่ถูกลืม

ท่ามกลางความกังวลด้านสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มขึ้น เชฟตระหนักมากขึ้นถึงคุณค่าของกรรมวิธีแบบดั้งเดิมที่ต้องใช้แรงคนและวัตถุดิบที่ถูกลืม ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของมรดกทางวัฒนธรรมทั่วเอเชียแปซิฟิก ทั้งภูมิภาค เชฟไม่เพียงแต่อนุรักษ์ แต่ยังสร้างนวัตกรรมภายในประเพณีการทำอาหารของตน ตั้งแต่การทำอาหารแบบใช้ทุกส่วนของสัตว์ (nose-to-tail cooking) ไปจนถึงการผลิตจาง (jang) เครื่องปรุงสไตล์เกาหลีแบบดั้งเดิม ซึ่งมีส่วนสำคัญทั้งต่อมรดกทางวัฒนธรรมและการก้าวสู่ความยั่งยืนในระดับโลก

3.การปรับเปลี่ยนนิยามของ Fine Dining: กระแส Hyperlocal และ Superfine Dining

ร้านอาหารกำลังให้ความสนใจอาหารท้องถิ่นที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก โดยนำเสนอการผจญภัยด้านอาหารที่เพิ่มคุณค่าวัฒนธรรมและสร้างความพึงพอใจทางรสชาติ ร้านอาหารระดับไฟน์ไดนิ่งกำลังปรับเปลี่ยนตัวเองไปสู่ความพิเศษเฉพาะ (exclusivity) ด้วยการยกระดับราคา จำกัดจำนวนที่นั่ง และการให้บริการเฉพาะสมาชิก เพื่อสร้างคุณค่าที่ไม่ซ้ำแบบใครแก่แขกโดยผ่านประสบการณ์ที่พิเศษ นอกจากนี้ การเน้นที่คุณภาพอาหารมากกว่าปริมาณและประสบการณ์การรับประทานอาหารที่สั้นกว่า เร็วกว่า และผ่อนคลายมากขึ้นในบรรยากาศที่เป็นส่วนตัวกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น

4.จัดเสิร์ฟสุขภาพดีเริ่มจากจานอาหาร

การเปลี่ยนแปลงด้านสุขภาพมีอิทธิพลต่อการเลือกอาหาร ในขณะที่อาหารต้านความชราที่ช่วยสร้างสมดุลฮอร์โมนกำลังได้รับความนิยม การมีอายุยืนยาวกลายเป็นความหรูหราในนิยามใหม่ อาหารถูกมองว่าเป็นยา โดยร้านอาหารหันมานำเสนอเมนูที่มีคุณค่าทางโภชนาการ คัดสรรโดยเชฟ ซึ่งให้ความสำคัญกับวัตถุดิบที่สดและเป็นธรรมชาติ (ไม่ผ่านการดัดแปลงหรือกรรมวิธี) รวมถึงการจัดหาวัตถุดิบที่โปร่งใส สามารถตรวจสอบที่มาที่ไปได้ นอกจากนี้ AI ยังมีบทบาทในการแนะนำเมนูอาหารที่ปรับแต่งตามความต้องการเฉพาะบุคคล

5.จุดหมายปลายทางด้านอาหารใหม่ๆ กำลังได้รับความนิยม

เมื่อโครงสร้างพื้นฐานและการเชื่อมต่อในโลกดิจิทัลพัฒนาขึ้น จุดหมายปลายทางยอดนิยมใหม่สำหรับการท่องเที่ยวเชิงอาหารกำลังเกิดขึ้น ซึ่งเสริมสร้างสถานะของภูมิภาคในฐานะศูนย์กลางระดับโลกด้านความเป็นเลิศทางวัฒนธรรมและอาหาร รายงานระบุถึงวัฒนธรรมอาหารที่หลากหลายและมีชีวิตชีวาในบาหลี ปูซาน โฮจิมินห์ซิตี้ เชจู กัวลาลัมเปอร์ มะนิลา มุมไบ นิเซโกะ เซี่ยงไฮ้ และแทสเมเนีย สถานที่เหล่านี้กำลังเปลี่ยนนิยามของการรับประทานอาหารในแต่ละท้องถิ่นและกำหนดมาตรฐานใหม่ในวงการอาหารระดับโลกด้วยประสบการณ์การรับประทานอาหารที่เป็นเอกลักษณ์และเจาะจงพื้นที่ในท้องถิ่น ซึ่งเน้นการเลือกใช้วัตถุดิบพื้นเมืองและเทคนิคการทำอาหารแบบดั้งเดิม

เทรนด์อื่นๆ ที่ระบุในรายงาน

– การปรุงอาหารที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม (Conscious Cuisine): เห็นได้ว่าความพยายามส่งเสริมความยั่งยืน รวมถึงการทำฟาร์มเชิงฟื้นฟู การจัดการวิกฤตน้ำ และการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลจัดการระบบห่วงโซ่อุปทาน ช่วยเพิ่มความมั่นคงทางอาหารและลดขยะอาหาร

– จากฟาร์มสู่อนาคต (Farm-to-Future): การบูรณาการแนวปฏิบัติที่ยั่งยืนตั้งแต่การทำฟาร์มแบบไบโอไดนามิก การรับประทานอาหารที่เน้นพืชเป็นหลัก ไปจนถึงการใช้วัตถุดิบอัพไซเคิล กำลังขับเคลื่อนการปรับปรุงแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้มั่นใจว่าคนรุ่นต่อไปจะยังคงสามารถเพลิดเพลินกับอาหารที่หลากหลายได้

– เครื่องดื่มในยุคใหม่ (Pour it Forward): นวัตกรรมในเครื่องดื่ม รวมถึงค็อกเทลแบบคราฟต์และตัวเลือกเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ ควบคู่ไปกับบรรยากาศกำลังเปลี่ยนนิยามใหม่ให้กับประสบการณ์ในบาร์

– เทคโนโลยีสุดล้ำ แต่สัมผัสใกล้ชิด (High-Tech, High-Touch): เทคโนโลยีช่วยเพิ่มประสบการณ์การรับประทานอาหารโดยไม่ลดทอนปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของงานบริการ

– อาหารกระตุ้นประสาทสัมผัสและพื้นที่ที่ยั่งยืน (Sensory Dining and Sustainable Spaces): ร้านอาหารกำลังกลายเป็นสนามแห่งประสบการณ์ที่กระตุ้นหลากหลายประสาทสัมผัสที่ผสานรวมกับเทคโนโลยี ซึ่งทั้งสนุกสนานและคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม

สามารถดาวน์โหลดรายงานฉบับเต็มได้ที่นี่

Related Articles

Stay Connected

22,878FansLike
3,912FollowersFollow
22,200SubscribersSubscribe
- Advertisement -spot_img

Latest Articles