สถานการณ์ตลาดน้ำมันประจำสัปดาห์วันที่ 14 – 18 ก.ค. 68 และแนวโน้มสัปดาห์วันที่ 21 – 25 ก.ค. 68 โดยตลาดน้ำมันสำเร็จรูปเบรนท์ (ICE Brent) ราคา 69.78 เหรียญสหรัฐฯ ต่อ บาร์เรล ปรับเพิ่มขึ้น +1.77 ตลาดน้ำมันสำเร็จรูปของ เวสท์เท็กซัสฯ (NYMEX WTI) ราคา 67.93 เหรียญสหรัฐฯ ต่อ บาร์เรล ปรับราคาเพิ้มขึ้น +1.68เหรียฐสหรัฐฯ ตลาดน้ำมันสำเร็จรูปดูไบ (Dubai) ราคา 70.60 เหรียญสหรัฐฯ ต่อ บาร์เรล ปรับราคาเพิ่มขึ้น +1.66 ขณะที่ราคาน้ำมันสำเร็จรูปซื้อซื้อขายล่วงหน้าที่สิงคโปร์ ราคาเบนซินออกเทน 95 ปรับราคาเพิ่มขึ้น +0.31 เหรียญ สหรัฐฯ มาเป็นราคา 80.22 เหรียญ สหรัฐฯ ราคาน้ำมันดีเซลราคาปรับราคาเพิ่มชึ้น +2.08 เหรียญ สหรัฐฯ มาเป็นราคา 90.38 เหรียญสหรัฐฯ

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น หลัง IEA คาดการณ์ความต้องการน้ำมันในฤดูร้อนซีกโลกเหนือเพิ่มขึ้น
* รายงานฉบับเดือน ก.ค. 68 ของ IEA คาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันโลกเพื่อผลิตไฟฟ้าและการคมนาคมในช่วงฤดูร้อนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะบริเวณซีกโลกเหนือ ทั้งนี้ Energy Aspects คาดการณ์โรงกลั่นทั่วโลกกลั่นน้ำมันดิบในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้น 3.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากไตรมาสก่อนหน้า มาอยู่ที่เฉลี่ย 4.43 ล้านบาร์เรลต่อวัน
* 12 ก.ค. 68 คณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission: EC) เสนอมาตรการเพดานราคาน้ำมันดิบรัสเซียใหม่ จากเดิมอยู่ที่ 60 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เปลี่ยนเป็นลอยตัวที่ 85% ของราคาเฉลี่ยในตลาดโลกในช่วง 3เดือนก่อนหน้า อย่างไรก็ดี โฆษกรัฐบาลรัสเซีย Dmitry Peskov เผยว่ารัสเซียสามารถรับมือกับมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันของชาติตะวันตกได้
* 10 ก.ค. 68 รมว.กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ Marco Rubio และ รมว.กระทรวงการต่างประเทศของรัสเซีย Sergei Lavrov ร่วมหารือประเด็นสงครามรัสเซีย-ยูเครน ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยระบุว่ารัสเซียยังไม่แสดงความร่วมมือมากพอในการยุติความขัดแย้ง นอกจากนี้ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ Donald Trump พร้อมพิจารณาใช้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียขั้นรุนแรง รวมถึงเก็บภาษีนำเข้า 500% ต่อประเทศที่ซื้อสินค้าของรัสเซีย
* 10 ก.ค. 68 ประธานาธิบดีสหรัฐฯ Donald Trump ประกาศจะตั้งกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าที่ไม่ได้อยู่ในข้อตกลง United States – Mexico – Canada (USMCA) จากแคนาดาที่ 35% ของมูลค่านำเข้า มีผล 1 ส.ค. 68 เพิ่มขึ้นจากอัตราเดิมที่ 25% ต่อมา 12 ก.ค. 68 ประกาศจะตั้งกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าอื่นที่ไม่ใช่สินค้าอุตสาหกรรม เช่น เหล็ก อลูมิเนียม และรถยนต์ จากเม็กซิโกและสหภาพยุโรป (European Union: EU) ที่ 30% ของมูลค่านำเข้า มีผลวันที่ 1 ส.ค. 68 เพิ่มขึ้นจากอัตราเดิมที่จะตั้งไว้ที่ 25% และ 20% ตามลำดับ