27 C
Bangkok
Thursday, February 6, 2025
010
002
previous arrow
next arrow

“โบซานคายา” ร่วมกับ “ซีเมนส์ โมบิลิตี้” และ“เอสที เอ็นจิเนียริ่งฯ” ลงนามผลิตรถไฟฟ้า 53 ขบวนให้ กทม.

บริษัท โบซานคายา (Bozankaya) และกลุ่มบริษัทพันธมิตร ซีเมนส์ โมบิลิตี้ (Siemens Mobility) และ เอสที เอ็นจิเนียริ่ง เออร์เบิน โซลูชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด (ST Engineering Urban Solutions [Thailand] Ltd.) ลงนามในสัญญาฉบับใหม่เพื่อผลิตรถไฟฟ้าจำนวน 53 ขบวนสำหรับโครงการรถไฟฟ้าในกรุงเทพมหานคร รวมถึงการติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณและบริการซ่อมบำรุง โครงการล่าสุดนี้ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของความร่วมมือที่ประสบความสำเร็จระหว่างโบซานคายากับซีเมนส์ โมบิลิตี้ในประเทศไทย หลังจากการส่งมอบรถไฟฟ้า 88 ขบวนเมื่อปี 2561

สัญญาดังกล่าวครอบคลุมการส่งมอบขบวนรถไฟฟ้า ระบบอาณัติสัญญาณ ระบบการสื่อสารโทรคมนาคม ระบบประตูกั้นชานชาลา และระบบหน้าจอแสดงข้อมูล เพื่อมอบโซลูชันการขนส่งที่มีประสิทธิภาพสูงและบูรณาการครบวงจร รถไฟฟ้าขบวนใหม่ได้รับการออกแบบด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ภายในกว้างขวาง และมีระบบแสดงผลข้อมูลที่ได้รับการปรับปรุงเพื่อความสะดวกสบายของผู้โดยสาร

จากอังการาสู่กรุงเทพมหานคร: เส้นทางสู่นวัตกรรมสีเขียวและความสำเร็จ

ด้วยความร่วมมือกับกลุ่มบริษัทพันธมิตรซึ่งประกอบด้วย ซีเมนส์ โมบิลิตี้ และบริษัท เอสที เอ็นจิเนียริ่ง เออร์เบิน โซลูชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด โบซานคายาจะผลิตรถไฟฟ้าขบวนใหม่ 53 ขบวนที่โรงงานอันทันสมัยในกรุงอังการา โดยจำนวน 32 ขบวนจะให้บริการในเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีส้มของกรุงเทพมหานคร และ 21 ขบวนจะให้บริการบนสายสีน้ำเงิน ทั้งนี้ สายสีส้มเป็นเส้นทางเดินรถไฟฟ้าของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) หรือ MRT จะให้บริการครอบคลุมระยะทาง 35.9 กม. และ 29 สถานี ด้วยรถไฟฟ้าขนาด 3 ตู้จำนวน 32 ขบวน

สำหรับโครงการรถไฟฟ้ามหานครสายสีน้ำเงิน หรือ MRT สายเฉลิมรัชมงคล ซึ่งเป็นเส้นทางเดินรถไฟฟ้าสายที่สามของกรุงเทพมหานครต่อจากสายสุขุมวิทและสายสีลมนั้น จะให้บริการด้วยขบวนรถไฟฟ้าขนาด 3 ตู้จำนวน 21 ขบวน โดยกำหนดส่งมอบขบวนรถไฟฟ้าชุดแรกคือช่วงไตรมาสที่สามของปี 2569 และคาดว่าโครงการจะแล้วเสร็จภายในปี 2571 นอกจากนี้ ขอบเขตของสัญญายังครอบคลุมถึงบริการที่ครบวงจร เช่น ระบบสื่อสารโทรคมนาคม ระบบอาณัติสัญญาณ และบริการซ่อมบำรุงเป็นระยะเวลา 15 ปี สัญญาจะแบ่งเป็นหลายระยะเริ่มตั้งแต่ปี 2567 จนกระทั้งสิ้นสุดในปี 2582

Aytunç Günay ประธานคณะกรรมการบริหารโบซานคายา แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับโครงการนี้ว่า “โครงการของเราในกรุงเทพมหานครจะส่งเสริมสถานะของโบซานคายาในตลาดระบบรางระดับโลกให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น การผลิตรถไฟฟ้าให้กับมหานครใหญ่อย่างเมืองหลวงของประเทศไทยเปิดโอกาสให้เราได้แสดงศักยภาพทางเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและความเป็นเลิศทางวิศวกรรมในระดับนานาชาติ ยิ่งไปกว่านั้น สัญญาฉบับนี้จะยกระดับกำลังการผลิตในท้องถิ่นของเรา และสนับสนุนการส่งออกของตุรกีให้เติบโตขึ้นด้วย”

คำสัญญาของโบซานคายา: รองรับผู้โดยสารเต็มความจุได้มากกว่า 800 คนในเที่ยวเดียว

ในฐานะแบรนด์ชั้นนำที่โดดเด่นเรื่องระบบขนส่งไฟฟ้าและขบวนรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่ประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รถไฟฟ้าประหยัดพลังงานเหล่านี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อสนับสนุนเป้าหมายด้านการขนส่งที่ยั่งยืนของกรุงเทพมหานคร โดยจะนำเสนอทางเลือกการเดินทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและยั่งยืน ขบวนรถไฟฟ้าขนาด 3 ตู้แต่ละขบวนจะสามารถรองรับผู้โดยสารได้มากกว่า 800 คนในเที่ยวเดียว ซึ่งจะช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรติดขัดในเขตเมืองได้เป็นอย่างมาก

Mr. Günay ยังได้ชูผลงานด้านการวิจัยและพัฒนาของโบซานคายา โดยกล่าวเพิ่มเติมว่า “โครงการนี้จะมีบทบาทสำคัญในการผลักดันเป้าหมายการส่งออกเทคโนโลยีขั้นสูงของตุรกี การผลิตและการทดสอบรถไฟจะดำเนินการที่ศูนย์ R&D ของโบซานคายาในกรุงอังการา ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างขีดความสามารถด้านนวัตกรรมและวิศวกรรมของบริษัท เราภูมิใจอย่างยิ่งในทีมวิศวกร R&D ทั้ง 150 คน และพนักงานเกือบ 1,400 คนในศูนย์ R&D ของบริษัท ซึ่งเมื่อรวมกับศูนย์การผลิตที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ 100,000 ตร.ม.ในกรุงอังการาแล้ว จึงทำให้โบซานคายาครองตำแหน่งโรงงานผลิตขบวนรถไฟที่ใหญ่ที่สุดและทันสมัยที่สุดในตุรกี”

Related Articles

Stay Connected

22,878FansLike
3,912FollowersFollow
22,200SubscribersSubscribe
- Advertisement -spot_img

Latest Articles