ปตท. เผยผลการวิเคราะห์สถานการณ์ตลาดน้ำมัน สัปดาห์วันที่ 6-10 ต.ค. 68 และแนวโน้มสัปดาห์ 13-17 ต.ค. 68 โดยลาดน้ำมันสำเร็จรูปเบรนท์ (ICE Brent) ราคา 65.60 เหรียญสหรัฐฯ ต่อ บาร์เรล ปรับราคาลดลง -3.01 เหรียญสหรัฐฯ ตลาดน้ำมันสำเร็จรูปของ เวสท์เท็กซัสฯ (NYMEX WTI) ราคา 61.79 เหรียญสหรัฐฯ ต่อ บาร์เรล ปรับราคาลดลง -2.49 เหรียญสหรัฐฯ ตลาดน้ำมันสำเร็จรูปดูไบ (Dubai) ราคา 67.02 เหรียญสหรัฐฯ ต่อ บาร์เรล ปรับราคาลดลง -1.28เหรียญ สหรัฐฯ ขณะที่ราคาน้ำมันสำเร็จรูปซื้อซื้อขายล่วงหน้าที่สิงคโปร์ ราคาเบนซินออกเทน 95 ปรับราคาลดลง -0.43 เหรียญ สหรัฐฯ มาเป็นราคา 79.15เหรียญ สหรัฐฯ ราคาน้ำมันดีเซลราคาปรับราคาลดลง -0.01 เหรียญ สหรัฐฯ มาเป็นราคา 89.67เหรียญสหรัฐฯ

ตลาดน้ำมันถูกกดดันจากรัฐบาลสหรัฐฯ ปิดหน่วยงานบางส่วน (Government Shutdown) ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 68 เป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี
– รัฐบาลสหรัฐฯ ยังคง Shutdown หน่วยงานราชการบางส่วนวันที่ 3 ต.ค. 68 วุฒิสภาสหรัฐฯ ไม่ผ่านร่างกฎหมายขยายงบประมาณชั่วคราวเป็นครั้งที่ 4 ต่อร่างกฎหมาย เนื่องจากพรรค Democrat เสนอให้ขยายเวลากองทุนคุ้มครองประกันภายใต้ Affordable Care Act (ACA) หรือ Obamacare ซึ่งจะหมดอายุสิ้นปี 2568 และยกเลิกการตัดงบโปรแกรมประกันสุขภาพ Medicaid ขณะที่ Republican ไม่เห็นด้วย นอกจากนี้คาดว่าพนักงานของรัฐบาลกลาง 40% หรือประมาณ 750,000 คน จะถูกพักงานโดยไม่ได้รับค่าจ้าง ต้องจับตาต่อเนื่องว่าจะแก้ไขสถานการณ์นี้ได้ เมื่อใด มิฉะนั้น จะกระทบต่อเศรษฐกิจโลก
– วันที่ 5 ต.ค. 68 กลุ่ม OPEC+ (8 ประเทศ) มีมติเพิ่มการผลิตน้ำมันดิบในเดือน พ.ย. 68 อีกเดือนละ 137,000 บาร์เรลต่อวัน เพื่อชดเชยในส่วนอาสาลดการผลิตโดยสมัครใจ (Voluntary Cut: 1.66 ล้านบาร์เรลต่อวัน) น้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะเพิ่มการผลิตถึง 500,000 บาร์เรลต่อเดือน โดย Rystad Energy ชี้ว่า OPEC+ (8 ประเทศ) ทยอยเพิ่มการผลิตอย่างระมัดระวังเพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาดน้ำมันโลกไปพร้อมกับการชิงส่วนแบ่งตลาด
– บริษัทท่อส่งน้ำมันของคาซัคสถาน Kaztransoil รายงานคาซัคสถานกลับมาส่งออกน้ำมันดิบผ่านท่อ Baku-Tbilisi-Ceyhan (BTC: 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน) ในเดือน ก.ย. 68 อยู่ที่ 18 KT (4,400 บาร์เรลต่อวัน) หลังหยุดดำเนินการในเดือน ส.ค. 68 จากปัญหาการปนเปื้อน
– 3 ต.ค. 68 กลุ่ม Hamas ตอบรับข้อเสนอสันติภาพที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ Donald Trump เสนอบางประการ อาทิ ปล่อยตัวตัวประกันชาวอิสราเอลทั้งหมด (ผู้ที่ยังมีชีวิตและร่างผู้เสียชีวิต) รวมถึงจะส่งมอบการบริหารฉนวนกาซาให้หน่วยงานปาเลสไตน์อิสระ และกล่าวเสริมว่า อิสราเอลต้องหยุดการโจมตีในฉนวนกาซาทันที เพื่อความปลอดภัยในการแลกเปลี่ยนตัวประกันชาวอิสราเอลและนักโทษชาวปาเลสไตน์
อย่างไรก็ดี กลุ่มฮามาสยังไม่ได้ระบุว่าจะปลดอาวุธและถอนกำลังตามที่อิสราเอลและสหรัฐฯ ต้องการ จึงต้องจับตาการเจรจาสงบศึกระหว่างอิสราเอลและฮามาส ที่สหรัฐฯ พยายามประสาน